.
.
“โธ่! ซิส เจ้าอย่าขี้หวงนักได้ไหม ข้าแค่จูบมือพี่ทีซเพื่อขอบคุณที่เขาแบ่งอาหารมาให้เท่านั้นเอง พี่ทีซทำอาหารอร่อยเจ้ายังชมออกบ่อย”
“ทำอาหารอร่อยไม่ได้แปลว่าข้าต้องยอมให้เจ้าไปเที่ยวจูบขอบคุณใครต่อใครนี่!”
น้ำเสียงคนพูดเดือดจัดยิ่งกว่าน้ำร้อนบนเตาไฟในห้องครัว และดูเป็นเรื่องปกติสำหรับคนนอกที่ได้ยิน
“พูดให้ดีนะซิส ข้าเที่ยวไปจูบใครต่อใครที่ไหน แค่พี่ทีซคนเดียว” หญิงสาวแว้ดอย่างเริ่มโมโห “แล้วสำหรับข้าน่ะ การจูบหลังมือไม่เห็นจะน่าโมโหตรงไหน”
.
.
“ขอให้ซิสขี้หวงน้อยลง” นางทูลแล้วก็ยักคิ้วให้อย่างกวนๆ ก่อนหันไปมองใบไม้ที่กำลังลอยตามสายน้ำไปจนลับสายตา “ข้าเคยบอกซิสแล้วนี่นา ตราบใดที่ท่านยังไม่ทิ้งข้า ข้าจะมีท่านเพียงคนเดียว ข้ารักเกียรติของตัวเอง ย่อมไม่ทำอะไรให้ตัวเองเสียหายด้วยการมีชู้แน่นอน”
“ข้าก็อยากเชื่อในเกียรติของเจ้านะ หากเจ้าจะไม่มีนิสัยยิ้มง่าย ชอบพูดคุยไปทั่ว เจ้าเป็นผู้หญิงขององค์ชายนะ การที่ข้าหวงเจ้าก็เพราะกลัวจะกระทบมาถึงข้านี่ล่ะ” ตรัสไปพร้อมพระพักตร์เคร่งไปด้วยแต่แฝงความสบายพระทัย ยามทอดพระเนตรสองแขนที่กอดยังพระพาหาดังจะอ้อนจากนาง ทั้งสองคุยกันในจุดห่างไกลคนอื่นจึงไม่กลัวว่าจะมีใครมาได้ยินว่าฝ่ายชายเป็นใคร
.
.
“นี่ซิส ซิสรักข้ารึยัง” ไอซานาทูลถามพลางเขย่าพระพาหาไปด้วย ดวงตาสีฟ้าแกมเทาคู่สวยมองสบพระเนตรสีน้ำตาลอ่อนที่มองไม่ค่อยออกในความมืด แต่คนมองก็จำได้ขึ้นใจ
“แล้วเจ้าล่ะ”
“ยัง” แต่ชอบมากเลยล่ะ อีกไม่นานคงจะรักได้แล้ว เอ๊ะ! หรือว่ารักไปแล้ว เฮ้อ! ช่างเถอะ คิดมากปวดหัว
คำตอบจากนางทำให้คนฟังทรงอึ้งไปทีเดียวด้วยไม่ทรงคิดว่านางจะตอบเร็วและสั้น ทั้งที่นางควรจะอารัมภบทอีกสักหน่อยแท้ๆ จะบอกว่านางโกหกก็ไม่ใช่ เพราะหน้าตาจริงใจมาก
“งั้นก็อย่าถามข้า”
“เฮอะ ข้ารู้หรอกว่าซิสไม่มีทางรักข้า แต่ข้าก็อยากรู้นะว่าซิสไปโวยวายใส่ผู้หญิงคนอื่นของซิสไหมเวลาพวกนางไปพูดคุยกับคนนอกบ้าน” หญิงสาวลอยหน้าลอยตาทูลเสียงเล็กเสียงน้อยก่อนจะหยุดเดินเมื่อคนข้างกายทรงหยุดเพื่อจะทอดพระเนตรนางจริงจัง
“ไอซานา” ตรัสเรียกเสียงเบาแต่หนักแน่น พระวรกายสูงโปร่งที่เหมือนจะไม่แข็งแรงและหลอกตาใครต่อใครที่ไม่คุ้นเคยได้เสมอเคลื่อนออกห่างหญิงสาวเล็กน้อย
“คะ”
“คืนนี้ไม่ต้องนอน” ตรัสจบก็สาวพระบาทต่อไป ไม่สนพระทัยมือน้อยที่พยายามดึงให้หยุดเพื่อสบตากัน
“โธ่ ซิส ตอนกลางวันก็สองรอบแล้วน้า คืนนี้ยังจะไม่ให้ข้านอนอีกเหรอ มักมากไปแล้วนะ” นางพยายามออดอ้อนไปตลอดทางเพื่อขอนอนบ้างสักนิด แต่สุดท้ายก็เป็นอย่างที่ตรัสไว้
.
.
“องค์ชาย อย่าเพิ่งเข้าบ้าน คือว่า...ตอนนี้ คือ...” หญิงสาวตัวผอมรีบจับพระพาหาไว้แล้วดึงเพื่อไม่ให้ไปไกลกว่านี้ ใบหน้าขาวนั้นซีด ดวงตาสีเทาก็เหลือบมองไปทางบ้านหลังเล็กอย่างหลุกหลิก
“ทำไม! มีอะไร ไอซานาเป็นอะไร” องค์ชายตรัสถามเสียงห้วนด้วยความเป็นห่วงหญิงสาวตัวอวบอิ่มแต่ฟัลเทียกลับไม่ยอมทูลสิ่งใด นอกจากท่าทีลุกลน
“อย่าไปค่ะ” หญิงสาวรีบดึงพระวรกายสูงโปร่งไว้อีกครั้งเมื่อพระองค์ขยับจะไปยังบ้านเล็ก “ไอซานานางอยู่กับซัลฟาตามลำพังในบ้านของลุงเทียซค่ะ”
.
.
“ท่านคิดอยู่ตลอดว่าข้าพร้อมจะทรยศท่านเสมอใช่ไหม ในใจท่านไม่เคยเชื่อข้าเลย” นางทูลถามเสียงแผ่วเบา เสียงสะอื้นหยุดแล้วเมื่อเห็นชัดถึงความคิดของคนที่นางรัก ความพยายามจะทูลให้พระองค์ทรงรู้ว่าตัวเองไร้มลทินหมดสิ้นแล้ว
“ข้าสิ ต้องเป็นฝ่ายถามเจ้า การซื่อสัตย์ต่อข้า มันยากตรงไหน ทำไมแค่คู่หมั้นมาให้เห็นหน้าถึงต้องหักหลังข้าได้”
องค์ชายตรัสถามแล้วก็ทรงรอคำตอบจากนาง แต่ร่างอวบอิ่มกลับลุกยืนแล้วเดินจากไปอย่างไม่ตรงทางนัก นางตรงไปยังม้าตัวโตแล้วส่งตัวขึ้นไปนั่ง
“หากข้าอธิบาย ท่านจะเชื่อข้าไหม” หญิงสาวลองพยายามทูลถามอีกครั้งพร้อมน้ำตาปริ่มเจียนล้นแต่คำตอบคือดวงเนตรเกลียดชัง นางจึงเอ่ยเสียงเบาแกมสะอื้นโดยไม่เจาะจงใคร แล้วพาม้าจากไปด้วยกิริยาย่างเหยาะช้าๆ “ข้าจะคืนม้ายังหน้าประตูวังนะ ให้เดินออกไปคงเดินไม่ไหว”
“องค์ชาย” เมื่อม้าไปไกลเพียงนิดนาซที่เงียบมาตลอดจึงทูลเรียกเสียงเบา “เด็กในท้องของนาง”
.
.
... หทัยมาลย์ ...เป็นเรื่องขององค์ชายสี่
ส่วนเรื่อง ณ หทัยแห่งรัก เป็นเรื่องขององค์ชายห้า
สามารถอ่านแยกได้จ้า
.
.
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น